วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
มังคุด
มีการนำมังคุดมาประกอบอาหารบ้าง แต่ไม่มากนัก เช่น
มังคุดลอยแก้ว เปลือกของมังคุดมีสารให้รสฝาด คือแทนนิน แซนโทน
(โดยเฉพาะแมงโกสติน) แทนนินมีฤทธิ์ฝาดสมาน ทำให้แผลหายเร็ว
แมงโกสตินช่วยลดอาการอักเสบและมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนองได้ดี
ในทางยาสมุนไพร ใช้เปลือกมังคุดตากแห้งต้มกับน้ำหรือย่างไฟ
ฝนกับน้ำปูนใส แก้ท้องเสีย เปลือกแห้งฝนกับน้ำปูนใส
ใช้รักษาอาการน้ำกัดเท้า แผลเปื่อย เปลือกมังคุด มีสารป้องกันเชื้อราเหมาะแก่การหมักปุ๋ย
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย ให้ผลดีตลอดปี มีราคาถูก
ทำให้เป็นผลไม้
ไทยชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทานกันมาก เหตุที่เรียกว่า ฝรั่ง นั้นไม่มี
หลักฐานชัดเจนแต่มีข้อสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะชาวฝรั่งเศส
เป็นผู้นำเข้ามาในประเทศไทยหรืออาจจะเรียกเพราะเมื่อผลสุกจะมี
สีขาวนวลเหมือนคนฝรั่งฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก
จึงมีผลในการป้องกันโรคขาดวิตามินซีซึ่งจะทำให้มีเลือดไหลซึมออกมา
จากบริเวณเหงือกที่เรียกว่า ลักปิดลักเปิด ฝรั่งมีวิตามิน เอ
และซี "สูงกว่ามะนาวถึง 4 เท่า" จึงมีคุณค่าในการป้องกันโรคหวัดได้ดีอิกด้วย
และนอกจากนี้ยังมี "การรับประทานฝรั่งเพื่อลดความอ้วน
" เพราะการรับประทานฝรั่ง "ไม่เพิ่มน้ำหนัก" เนื่องจากให้พลังงานต่ำ
จึงทานได้บ่อย ๆ ตามต้องการ แต่ถ้ากินมากอาจจะทำให้ท้องผูก
ส่วนฝรั่งสุกอาจทำให้ท้องเสียได้จากคัมภีร์สรรพคุณยากล่าวไว้ว่า
ฝรั่งทั้งห้า (ดอก ผล ราก ใบ ต้น) มีรสฝาดแก้ท้องร่วง, บิด ใบ
และผลแก้ท้องเสีย, บิด, ดับกลิ่นปาก กรมอนามัยได้ทำการศึกษาพบว่า
นอกจากวิตามินเอ และซีแล้ว ฝรั่งยังมีวิตามินบี 1 บี 2 แคลเซียม
เหล็ก ฟอสฟอรัส เพคติน แทนนิน และมีเส้นใยสูง
ไทยชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทานกันมาก เหตุที่เรียกว่า ฝรั่ง นั้นไม่มี
หลักฐานชัดเจนแต่มีข้อสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะชาวฝรั่งเศส
เป็นผู้นำเข้ามาในประเทศไทยหรืออาจจะเรียกเพราะเมื่อผลสุกจะมี
สีขาวนวลเหมือนคนฝรั่งฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก
จึงมีผลในการป้องกันโรคขาดวิตามินซีซึ่งจะทำให้มีเลือดไหลซึมออกมา
จากบริเวณเหงือกที่เรียกว่า ลักปิดลักเปิด ฝรั่งมีวิตามิน เอ
และซี "สูงกว่ามะนาวถึง 4 เท่า" จึงมีคุณค่าในการป้องกันโรคหวัดได้ดีอิกด้วย
และนอกจากนี้ยังมี "การรับประทานฝรั่งเพื่อลดความอ้วน
" เพราะการรับประทานฝรั่ง "ไม่เพิ่มน้ำหนัก" เนื่องจากให้พลังงานต่ำ
จึงทานได้บ่อย ๆ ตามต้องการ แต่ถ้ากินมากอาจจะทำให้ท้องผูก
ส่วนฝรั่งสุกอาจทำให้ท้องเสียได้จากคัมภีร์สรรพคุณยากล่าวไว้ว่า
ฝรั่งทั้งห้า (ดอก ผล ราก ใบ ต้น) มีรสฝาดแก้ท้องร่วง, บิด ใบ
และผลแก้ท้องเสีย, บิด, ดับกลิ่นปาก กรมอนามัยได้ทำการศึกษาพบว่า
นอกจากวิตามินเอ และซีแล้ว ฝรั่งยังมีวิตามินบี 1 บี 2 แคลเซียม
เหล็ก ฟอสฟอรัส เพคติน แทนนิน และมีเส้นใยสูง
ส้ม
ส้ม
แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรม-ชาติ การรับประทานส้ม
โดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว
เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ
นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต
หรือโดนัทชิ้นใหญ่ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะ
ได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วย
แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ล มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ
ที่ชื่อ เพคติน แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว
เพคตินนี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอล
หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้
เพราะแอปเปิ้ลมีแป้ง และน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 %
ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ได้
ในเวลาไม่เกิน 10 นาที
กระเทียม
รสและสรรพคุณทางยา :
รสเผ็ดร้อน เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้กลากเกลื้อน แก้ไอ ขับเสมหะช่วยย่อยอาหาร
ปวดฟัน ปวดหู โรคผิวหนังในตำรายาไทยให้ใช้กระเทียมและขิงสดย่างละเท่ากัน
ตำละเอียด ละลายกับน้ำอ้อยสดคั้นน้ำจิบแก้ไอกัดเสมหะ และทำให้เสมหะแห้ง
โดยสารที่ออกฤทธิ์ เป็นยาแก้ไอ คือ allicin ซึ่งละลายน้ำได้ และถูกทำลายด้วย
ความร้อนกระเทียมรักษากลากเกลื้อน ซึ่งเป็นผลจาก allicin มีฤทธิ์ในการฆ่า
เชื้อราได้หลายชนิด ทำได้โดยการฝานกลีบกระเทียม แล้วนำมาถูบ่อยๆ หรือ
ตำคั้นเอาน้ำบริเวณที่เป็นโดยใช้ไม้เล็กๆ หรือไม้ไผ่ที่สะอาดขูดบริเวณที่เป็น
พอให้ผิวแดงอ่อนๆ ก่อนแล้วจึงเอาน้ำกระทียมขยี้ทา ทาบ่อยๆ วันละ 3-4 ครั้ง
เมื่อหายแล้ว ทาต่ออีก 7 วัน
คุณค่าทางอาหาร :
กระชายมีรสเผ็ดพบสมควร จึงช่วยดับกลิ่นคาวได้ นำไปปรุงกับอาหารได้หลายอย่างโดยเฉพาะอาหารไทยเราเช่น แกงเลียง แกงขี้เหล็ก ผัดเผ็ดปลาดุก ฯลฯ ในรากเหง้าของกระชายมี แคลเซียม เหล็กมาก นอกจากนั้นยังมีเกลือแร่ต่างๆและวิตามิน เอ วิตามิน ซี อีกด้วย |
วิธีใช้
ใช้กระเทียมสด 5-7 กลีบ รับประทานหลังอาหาร หรือเมื่อมีอาการท้องอืด
ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด ซึ่งเป็นผลจากสารสำคัญต่างๆ ในน้ำมันหอมระเหย allicin และ diallyl disulfideช่วยต้าน การเกิดแผลในกระเพาะอาหาร โดยมีกลไกการออกฤทธิ์เกี่ยวข้องกับการสร้างสารprostaglandin ตามธรรมชาติ allicin มีในหัวกระเทียมน้อยมาก ส่วนใหญ่อยู่ในรูป alliin เมื่อหั่นกระเทียม อากาศจะทำให้ เอนไซม์ alliinase ย่อย alliin ให้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่คงตัว สลายตัวได้ง่ายโดยเฉพาะ อย่างยิ่ง เมื่อถูกความร้อน ดังนั้น กระเทียมเจีย
กระเทียมดอง จะไม่ไห้ผลเป็นยา
|
กระเจี๊ยบมอญ
ฝักอ่อน มีคุณค่าทางอาหารสูง กินได้ ในต่างประเทศบรรจุเป็นอาหาร
กระป๋องหรืออาหารแช่แข็ง
เมล็ดแก่ มีน้ำมันมาก กากเมล็ดมีโปรตีนเหมาะสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์
เส้นใย จากต้นใช้ทำเชือกและกระดาษ นอกจากนี้โรงงานผลิตน้ำตาล
สำหรับการใช้ประโยชน์ทางยาแผนโบราณของจีน ราก เมล็ดบางแห่งในอินเดียยังนำเมือกจากต้นมาใช้ในกระบวนการทำให้น้ำอ้อยสะอาด และดอกใช้เป็นยาขับปัสสาวะ |
ประโยชน์ทางยา
ผลอ่อน ใช้เป็นผักจิ้มประกอบด้วยสารอาหารหลายชนิด เช่น คาร์โบไฮเดรต
กลีบเลี้ยง มีสารแอนโทไซยานิน และกรดอินทรีย์ ได้แก่ กรดแอสคอบิก (วิตามินซี)โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี และไนอาซิน - มีสารเมือกและ เพคติน ใช้แก้โรคกระเพาะอาหาร โดยนำผลแห้งมาป่นเป็น ผงละเอียดชงกับน้ำร้อน รับประทาน เป็นยาหล่อลื่นในโรคโกโนเรียระงับพิษ ขับปัสสาวะ - แก้พยาธิตัวจิ๊ด โดยเอาผลกระเจี๊ยบมอญที่ยังอ่อนมาปรุงเป็นอาหารกิน เช่น ต้มหรือย่างไฟให้สุก จิ้มกับน้ำพริกหรือทำแกงส้ม กินวันละ ๓ เวลาทุกวัน วันละ ๔ - ๕ ผล ติดต่อกันอย่างน้อย ๑๕ วัน กรดซีตริก กรดมาลิก และกรดทาทาริก ทำให้มีสเปรี้ยว นอกจากนี้ มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม วิตามินเอ และเพคติน กลีบเลี้ยง ปรุงเป็นเครื่องดื่ม ผลไม้กวน และแยม |
ถั่วฟักยาว
ประโยชน์ :
| |
สรรพคุณทางยา:
ใบ : ใช้สดประมาณ 60-100 กรัม ใช้ต้มน้ำกิน เป็นยารักษาโรคหนองในและปัสสาวะเป็นหนอง เปลือกฝัก : ใช้สดประมาณ 100-150 กรัม นำมาต้มกินใช้รักษาภายนอก โดยการตำพอก และเป็นยาระงับอาการปวดบวม ปวดตามเอว และแผลที่เต้านม เมล็ด : ใช้แห้งหรือใช้สดประมาณ 30-60 กรัม นำมาต้มน้ำกินหรือกินสด จะมีรสชุ่ม เป็นยาบำรุงม้าม และไต กระหายน้ำ อาเจียน ปัสสาวะกะปริบกะปรอย และตกขาว ราก : ใช้สดประมาณ 60-100 กรัม นำมาต้มกับน้ำ หรือตุ๋นกับเนื้อกิน ใช้รักษาภายนอกโดยการตำพอก หรือจะนำมาเผาให้เป็นเถ้า แล้วบดให้เป็นผงละเอียดผสมทา หรือใช้กินเป็นยารักษาโรคหนองในที่มีหนองไหลบำรุงม้าม รักษาบิด บำรุงม้าม ส่วนการใช้รักษาภายนอกโดยการตำพอกนั้นใช้รักษาฝีเนื้อร้าย และช่วยให้เนื้อเจริญเร็วขึ้น |
ถั่วพลู
ประโยชน์ :
นอกจากนั้นการกินถั่วพูก็ยังมีกากใยอาหารมาก ทำให้ระบบขับถ่ายของ
เราเป็นไปอย่างปกติ ท้องไม่ผูก นอกจากนั้นแล้ว หัวของถั่วพูก็สามารถ นำไปตากแห้งแล้วคั่วไฟให้เหลือง นำมาชงเป็นน้ำดื่มชูกำลังสำหรับ คนป่วยหรืออ่อนเพลียง่ายได้อีกด้วย |
คุณค่าทางอาหาร :
ถั่วพู 100 กรัม ให้พลังงาน 19 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย น้ำ 93.8 กรัมคาร์โบไฮเดรต 2.4 กรัม โปรตีน 2.1 กรัม ไขมัน 0.1 กรัม เส้นใย 1.2 กรัม แคลเซียม 5 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 43 มิลลิกรัม เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม ไนอะซิน 0.8 มิลลิกรัม วิตามินบี1 0.35 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.14 มิลลิกรัม วิตามินซี 32 มิลลิกรัม |
สรรพคุณทางยา:
หัว ใช้บำรุงร่างกาย แก่อ่อนเพลีย แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ไข้กาฬ ราก
ตำรายาโบราณว่า ให้นำเมล็ดถั่วพลูมาต้มโดยคัดเอาเฉพาะเมล็ดแก่สีน้ำตาลเข้ม แก้โรคลมพิษกำเริบ ดีฟุ่ง ทำให้คลั่งเพ้อ ปวดท้อง ถั่วพูใช้รักษาสิวและโรคผิวหนังบางชนิด จะรับประทานเมล็ดที่ต้มสุกเลยก็ได้ หรือนำเมล็ดที่ต้มสุกมาบดให้ละเอียดผสมน้ำสุก ดื่มก่อนอาหาร ๓ เวลา จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง เพิ่มกำลังวังชา |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)